เมนู

จะตาย เมื่อชักดังครอก ๆ อย่างเสียงกรนนี้ คนตายสิ้นลมหายใจหรือไม่เล่า
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นประชากรจึงตรัสว่า อย่างนั้นแล้วก็สิ้นลมอัสสาสะปัสสาสะ
นะพระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ดูกรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ คนทั้งหลายเกิดมา
มิได้จำเริญจิตจำเริญกาย เมื่อตัวตายลมหายใจเสียงดังครอกเหมือนด้วยเสียงกรนแล้ว ลม
อัสสาสะปัสสาสะก็ดับหมดสิ้น ธรรมดาที่ท่านรักษาศีลจำเริญภาวนาในจิตในกาย เมื่อจะใกล้
ตายท่านเจ้าจตุตถฌานก่อน ลมอัสสาสะปัสสาสะจึงดับสิ้นไป เหตุฉะนี้ อาตมาจึงถวายพระพร
ว่า อาจจะให้ลมอัสสาสะปัสสาสะดับได้ จะให้รู้ว่าลมอัสสาสะปัสสาสะดับด้วยเหตุ 2 ประการ
ใครเกิดมานี้ตายแล้วดับไปด้วยกันสิ้น
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์ ได้ทรงฟังก็โสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ สธุสะสมควร
แล้วพระผู้เป็นเจ้า
อัสสาสปัสสาสปัญหา คำรบ 13 จบเท่านี้

สมุททปัญหา ที่ 14


สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญคำที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่ามหาสมุทรนั้นอุทกังนั้นหรือชื่อว่ามหาสมุทร
โยมยังสงสัยอยู่ นิมนต์วิสัชนาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช อุทกัง บรรดาที่เค็มเท่าใดโดยรอบคอบ ที่
อุทกังเค็มอยู่นั้น ชื่อว่ามหาสมุทร ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่
พระนาคเสนผู้เจริญ อุทกังนั้นเค็มด้วยเหตุอันใด นิมนต์วิสัชนาไปให้แจ้งก่อน พระเจ้ากรุง
มิลินท์ปิ่นประชากรตรัสถามดังนี้
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาวว่า มหาราช ดูกรบพิตรพระราชสมภาร อุทกังนั้นขังอยู่นาน
จึงเค็มไปเป็นรสอันเดียวกัน ขอถวายพระพร